เครื่องมือจัดการเรียนรู้สำหรับครูยุคดิจิทัล
"สวัสดีครับ เรื่องเครื่องมือจัดการเรียนรู้สำหรับครูยุคดิจิทัล คุณเลือกเรียนรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น สามารถเลื่อนเมาส์อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาสาระได้ตามสะดวกได้เลยครับ หรือหากต้องการให้ Luca ช่วยอธิบายในหัวข้อใดก็คลิกฟังเสียง Luca ที่ด้านล่างของแต่ละหัวข้อนั้นได้เลยครับ และเมื่อจบเนื้อหาแล้วอย่าลืมวัดค่าพลังการเรียนรู้เพื่อเก็บคะแนนด้วยนะครับ (โดยเมื่อกดปุ่ม Back กลับไปยังหน้าหลักของบทเรียนจะมีรายการให้เลือกทำแบบทดสอบหลังเรียนครับ)"
การเรียนรู้ในอนาคตจะมีการใช้แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์เป็นระบบบริการออนไลน์ที่เอื้อให้ผู้เรียน ผู้สอน ผู้สนใจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล เครื่องมือ และทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในระบบห้องเรียนแบบเดิมๆ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการและพัฒนาการเรียนการสอน รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยเฉพาะ e-Learning และ MOOCs (Massive Open Online Course) หรือบริการบทเรียนออนไลน์แบบเปิดที่ให้บริการฟรีเป็นส่วนใหญ่
MOOCs มีส่วนสำคัญในการกระจายโอกาสทางการศึกษา โดยทำให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้ผ่านระบบออนไลน์ เป็นการจัดการศึกษาที่สามารถเพิ่มอัตราการเข้าถึงความรู้ที่มีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ลดลง จุดเด่นที่ MOOCs แตกต่างจากแพลตฟอร์มประเภทอื่น ๆ คือ ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาสาระ การรับรองหลักสูตร และเป็นระบบที่สร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนสามารถเรียนจบตามเป้าหมาย
แนวโน้มรูปแบบแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ในอนาคต
1. Mobile Learning (การเรียนรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Smart Phone) โดยสมาร์ทโฟนสามารถเชื่อมต่อกับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันจึงช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงการเรียนรู้ได้คล่องตัวมากขึ้น และสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้จากทุกหนทุกแห่งที่เชื่อมต่อกับสัญญาณหรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. Micro Learning (การเรียนรู้แบบทีละเล็กละน้อยผ่านเนื้อหาสั้นๆ) เป็นแพลตฟอร์มที่มีการนำเสนอเนื้อหา (Contents) เพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาชีพให้สั้นกระชับ เพื่อตอบโจทย์คนทำงานที่มีเวลาจำกัด โดยแบ่งเนื้อหาการเรียนรู้ออกเป็นตอนๆ ใช้เวลาในการเรียนแต่ละครั้งไม่เกิน 2-7 นาที เป็นเนื้อหาที่ย่อยง่ายและกระชับเพื่อช่วยเอื้อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังสามารถนำเสนอเนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอ เกม Quiz และพอดแคสต์ (Podcast)
3. Social Learning (การเรียนรู้ร่วมกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์) แนวโน้มในอนาคตจะมีการใช้แพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งแบบทางการและแบบไม่เป็นทางการผ่านทางเครื่องมือต่าง ๆ เช่น กระดานสนทนา (WebBoard) เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนพื้นที่เสมือน (Forum) การสนทนาโต้ตอบ (Chat) รวมถึงระบบแชร์ไฟล์เอกสารให้ใช้งานร่วมกันไปจนถึงการสร้างกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Learning Circle) หรือการสร้างเครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน (PLC)
4. LXP – Learning Experience Platform (แพลตฟอร์มสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้) แพลตฟอร์ม LXP จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสรรหาเนื้อหาสาระให้ผู้เรียน (Content Aggregator) ตลอดจนสร้างเส้นทางการเรียน (Learning Pathway) และติดตามกิจกรรมหรือความคืบหน้าในการเรียน นอกจากนี้ LXP ยังส่งเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้ใช้ และมีเครื่องมือช่วยผู้สอนในการวางแผนการสอน การแนะนำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามอัธยาศัยและตั้งเป้าหมายการเรียนให้เหมาะกับระดับความสามารถของตนไปจนถึงเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เรียนคนอื่นๆ
5. AI (ปัญญาประดิษฐ์) แนวโน้มอนาคตจะมีการนำ AI เข้ามาใช้ในแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ต่าง ๆ มากขึ้น โดย AI จะมีบทบาทเป็นผู้ช่วยในการจัดการเรียน เช่น ช่วยลดภาระของครูในการจัดการบทเรียน จัดการเนื้อหา และการตรวจแบบฝึกหัด หรือช่วยจับคู่ผู้สอนกับผู้เรียนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม VIPKid ของประเทศจีนที่ช่วยจับคู่นักเรียนกับครูผู้สอนเจ้าของภาษาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และการใช้ AI Chatbot (ระบบหุ่นยนต์ตอบกลับอัตโนมัติ) เพื่อตอบคำถามง่าย ๆ หรือแนะนำข้อมูลความรู้และบทความวิชาการให้แก่ผู้เรียน
6. Gamification (การเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยรูปแบบของเกม) โดยจะมีการนำรูปแบบของเกมมาใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อดึงดูดความสนใจผู้เรียน เป็นการนำเนื้อหาสาระความรู้มาถ่ายทอดในรูปของเกม ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกสนาน ลดแรงกดดัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าใจและจดจำเนื้อหา
7. Immersive Learning (การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง) เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมือนจริง โดยเทคโนโลยีโลกเสมือน เช่น VR, AR, MR จะถูกนำมาใช้ในแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีเสมือนจริงจะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง การได้ใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้และจดจำเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีเสมือนจริงจะสามารถนำมาใช้ในการทดลองวิทยาศาสตร์เสมือนจริงและการเรียนรู้ทักษะที่ใช้งบประมาณสูง ตัวอย่างเช่น การบินหรือการโต้ตอบต่อสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างปลอดภัย สถานการณ์ไฟไหม้ ภูเขาไฟระเบิด สึนามิหรือพายุถล่ม อีกทั้งยังสามารถเปิดมิติใหม่ในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ตื่นตาตื่นใจ
8. Video Multimedia Learning (การเรียนผ่านสื่อวีดิทัศน์มัลติมีเดีย) เป็นรูปแบบที่มาแรงอย่างต่อเนื่องผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอมัลติมีเดียอย่างเช่น YouTube ซึ่งเป็นเว็บทางสังคมที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และคาดการณ์ว่าในอนาคตปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 80-90% จะถูกขับเคลื่อนด้วยวิดีโอนำเสนอเนื้อหา (Video Content) โดยการใช้สื่อวีดิทัศน์เพื่อถ่ายทอดความรู้หรือทักษะมีแนวโน้มที่จะถูกปรับเนื้อหาให้สั้นลง และตอบโจทย์เฉพาะบุคคลมากขึ้น มีการนำเสนอแผนภาพข้อมูล (Data Visualization) เพื่อช่วยเสริมในการอธิบายเนื้อหา และจะมีการผนวกเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Interactive หรือเทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้
เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้เป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นสําหรับการเรียนรู้ของบุคคลทั้งแบบเรียนรู้ด้วยตนเองหรือเรียนรู้แบบกลุ่ม ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าถึงด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน โดยสามารถแบ่งประเภทเครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ตามลักษณะการใช้งานได้ 5 ประเภท (กอบสุข คงมนัส, 2561) ได้แก่
1. เครื่องมือการจัดการเรียนการสอน เป็นเครื่องมือที่ใช้สําหรับจัดการเรียนการสอนทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ สามารถใช้ออกแบบและสร้างกิจกรรมการเรียนรู้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ประกอบด้วย เครื่องมือสร้างบทเรียนออนไลน์ ระบบการจัดการเรียนรู้ และเครื่องมือสำหรับโต้ตอบในชั้นเรียน
2. เครื่องมือพัฒนาเนื้อหา เป็นเครื่องมือที่ใช้สําหรับสร้างสรรค์เนื้อหาหลากหลายรูปแบบ เครื่องมือพัฒนาเนื้อหาจะสามารถสร้างเนื้อหาได้ทั้งแบบข้อความ ภาพ กราฟิก เสียง ภาพเคลื่อนไหว แอนิเมชั่น วิดีโอ มัลติมีเดีย แบบฟอร์ม ความเป็นจริงเสมือน (VR) ความเป็นจริงเสริม (AR) ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ได้ตามความต้องการ ประกอบด้วย เครื่องมือพัฒนาเนื้อหา เครื่องมือจับภาพหน้าจอและจับภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ และเครื่องมือแบบฟอร์มสํารวจ
3. เครื่องมือทรัพยากรบนเว็บไซต์ เป็นเครื่องมือในลักษณะเว็บไซต์ จัดเป็นทรัพยากรแบบออนไลน์ที่ผู้เรียนแต่ละบุคคลสามารถเลือกเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อสืบค้นข้อมูล เข้าถึงแหล่งข้อมูล ศึกษาด้วยตนเอง จัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตลอดจนใช้เพื่อนําเสนอและเผยแพร่ความรู้ของตนบนระบบเครือข่าย ประกอบด้วย เครื่องมือสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เครื่องมือแหล่งทรัพยากรบนเว็บไซต์ เครื่องมือหลักสูตรออนไลน์บนเว็บไซต์ เครื่องมือข่าวและการจัดการเนื้อหา
4. เครื่องมือการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน เป็นเครื่องมือที่ใช้ร่วมกันทางสังคมผ่านระบบออนไลน์เพื่อติดต่อสื่อสาร สร้างปฏิสัมพันธ์ ถ่ายทอด เผยแพร่ แลกเปลี่ยนเนื้อหาหรือเรื่องราวที่ต้องการสื่อสารกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย เครื่องมือเครือข่ายทางสังคม การส่งข้อความ เครื่องมือการประชุมผ่านวิดีโอ เครื่องมือการใช้แฟ้มข้อมูลร่วมกัน และเครื่องมือการทํางานเป็นทีมและร่วมมือกัน
5. เครื่องมือส่วนบุคคลและพัฒนางาน เป็นเครื่องมือที่ใช้สําหรับการเรียนรู้และพัฒนางานด้วยตนเองตามวิธีการพื้นฐานหรือเฉพาะทาง ประกอบด้วย เครื่องมือสํานักงาน เครื่องมืออีเมล์ และเครื่องมือเฉพาะสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพงานส่วนบุคคล
ตัวอย่าง เครื่องมือจัดการเรียนรู้สำหรับครูยุคดิจิทัล
1. เครื่องมือสำหรับการสอนและประชุมออนไลน์แบบเรียลไทม์ (Real-time) ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Zoom, Google Meet, Microsoft Teams, Facebook live และ Line
2. เครื่องมือสำหรับกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์ เช่น Poll Everywhere, Mentimeter, Plickers
3. เครื่องมือสำหรับสร้างและนำเสนอเนื้อหาสาระความรู้ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ช่วยสร้างและนำเสนอเนื้อหาความรู้ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก เช่น YouTube, Nearpod, Powtoon, Prezi
4. เครื่องมือสำหรับสร้างห้องเรียนออนไลน์ที่รองรับแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronize) ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นที่ในการฝึกปฏิบัติและทำกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้เรียน เช่น Google Classroom, Edmodo, LMS, MOOCs
5. เครื่องมือสำหรับติดตามและประเมินผลการเรียน ผู้สอนสามารถเลือกนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้ในการตรวจสอบและทบทวนความเข้าใจของผู้เรียน โดยสร้างความท้าทายและให้ผู้เรียนได้สนุกสนานกับการทำแบบทดสอบ เช่น Socrative, Kahoot, Quizizz
6. เครื่องมือสำหรับกระตุ้นและเสริมแรงจูงใจในการเรียน เช่น ClassDojo, Spatial.io, Padlet.com
7. เครื่องมือสำหรับจัดเก็บและแบ่งปันเพื่อการเข้าถึงไฟล์เอกสารได้จากระยะไกลในรูปแบบ Cloud Storage เช่น Google Drive, One Drive, Dropbox
8. เครื่องมือสำหรับสร้างเว็บไซต์ในการจัดเก็บแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์และใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เช่น Google Site, Wix, MakeWebEasy, GoDaddy, WordPress
9. เครื่องมือสำหรับการใช้งานพื้นฐานด้านการจัดการเอกสาร เช่น Microsoft Word, Google Docs สำหรับพิมพ์เอกสาร Microsoft Excel, Google Sheets สำหรับสร้างตารางคำนวณ และ Microsoft PowerPoint, Google Slide สำหรับสร้างงานนำเสนอ
10. เครื่องมือสำหรับสร้างและออกแบบงานกราฟิก เช่น Photoshop, Illustrator, Canva, Piktochart, Infogram, Microsoft PowerPoint
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในยุคดิจิทัลตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ได้แก่
1. ON-AIR คือ การจัดการเรียนการสอนผ่านระบบส่งสัญญาณดาวเทียมหรือผ่านการออกอากาศทางทีวี
2. ONLINE คือ การจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ผู้เรียนและผู้สอนสามารถสื่อสารแบบประสานเวลา (Synchronous) หรือมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้จากระยะไกล เช่น ระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) การเรียนออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom หรือ Microsoft Teams
3. ON–DEMAND คือ การจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีการบันทึกหรือจัดเก็บไว้บนระบบเครือข่าย โดยผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้ประสานเวลากัน (Asynchronous) หรือผู้เรียนสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Youtube หรือ สื่อที่จัดเก็บบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของ DLTV (www.dltv.ac.th)
4. ON-HAND คือ การจัดการเรียนการสอนผ่านการนำส่งหนังสือ แบบฝึกหัด ใบความรู้หรือใบงานไปให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ที่บ้าน โดยมีผู้ปกครองให้ความช่วยเหลือในการกำกับและติดตามการเรียนของผู้เรียน
5. ON–SITE คือ การจัดการเรียนการสอนตามปกติ ณ โรงเรียนหรือสถานศึกษาแต่ละแห่ง
6. ON-HYBRID คือ การจัดการเรียนการสอนแบบยืดหยุ่นตามความพร้อมของผู้เรียน โดยผสมผสานระหว่างรูปแบบ Onsite, Online และ On-Demand
ครูในยุคดิจิทัลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และสามารถนำเครื่องมือ อุปกรณ์ สื่อออนไลน์ที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานด้านการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการออกแบบและจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียน การสร้างสื่อการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละบุคคล ตลอดจนการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้น ครูดิจิทัลจึงต้องสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงแอปพลิเคชันที่เป็นเครื่องมือต่างๆ ได้อย่างมีวิจารณญาณ สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและสร้างสรรค์องค์กรแห่งการเรียนรู้ (PLC) เพื่อพัฒนาการศึกษาและแบ่งปันความรู้ร่วมกันทางสังคมเพื่อให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง
References:
กอบสุข คงมนัส. 2561. เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้: วิถีแห่งการศึกษายุคดิจิทัล. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 20(4). 279-290.
วัฒนชัย วินิจจะกูล และคณะ. 2564. TK Lifelong Learning Focus issue 01 ข้อมูลสถิติและบทวิเคราะห์การเรียนรู้ตลอดชีวิตกับทิศทางในอนาคต. กรุงเทพฯ. บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จํากัด