หลักการบริหารจัดการชั้นเรียน

"สวัสดีครับ เรื่องหลักการบริหารจัดการชั้นเรียน คุณเลือกเรียนรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น สามารถเลื่อนเมาส์อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาสาระได้ตามสะดวกได้เลยครับ หรือหากต้องการให้ Luca ช่วยอธิบายในหัวข้อใดก็คลิกฟังเสียง Luca ที่ด้านล่างของแต่ละหัวข้อนั้นได้เลยครับ และเมื่อจบเนื้อหาแล้วอย่าลืมวัดค่าพลังการเรียนรู้เพื่อเก็บคะแนนด้วยนะครับ (โดยเมื่อกดปุ่ม Back กลับไปยังหน้าหลักของบทเรียนจะมีรายการให้เลือกทำแบบทดสอบหลังเรียนครับ)"

การจัดการชั้นเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่ครูทุกคนจะต้องใช้เพื่อจัดการดูแลสภาพของห้องเรียนให้มีระบบระเบียบที่ดี ซึ่งประกอบด้วยด้านการจัดเตรียมพื้นที่ การจัดวางอุปกรณ์ การวางแผนใช้เวลาหรือการจัดตารางเวลาของกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การใช้วิธีการในการจัดการพฤติกรรมของผู้เรียนเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชั้นเรียน สร้างความร่วมมือ ระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ ตลอดจนกระตุ้นและเสริมแรงพฤติกรรมที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้เรียนสนใจใฝ่เรียนรู้ และครูสามารถดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนได้ตามแผนจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ณัฐธีรา สมบูรณ์, 2552)
      การจัดการชั้นเรียนมีความหมายที่เข้าใจโดยทั่วไปคือเป็นการปกครองชั้นเรียนและการจัดการพฤติกรรมของผู้เรียนให้มีระเบียบวินัย เคารพในสิทธิและข้อปฏิบัติที่ดีงามร่วมกัน และนอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการจัดสภาพของห้องเรียนทางด้านกายภาพให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าอยู่ น่าเรียน

ความสำคัญของการบริหารจัดการชั้นเรียน

     การจัดการชั้นเรียนมีความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอนของครูทุกคน ช่วยให้ครูสามารถสร้างระเบียบวินัย จัดการพฤติกรรมของผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และจัดสภาพแวดล้อมภายในชั้นเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้กิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น ห้องเรียนมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าอยู่น่าเรียน และช่วยส่งเสริมการจัดการเรียนการสอน ดังนี้
1. ส่งเสริมให้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น เช่น ห้องเรียนไม่คับแคบ ไม่แออัดจนเกินไป ทำให้ผู้เรียนเกิดความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
2. ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีงามและสร้างระเบียบวินัยให้กับผู้เรียน เช่น ผู้เรียนมีความเอื้อเฟื้อต่อกัน ห้องเรียนสะอาด จัดโต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย
3. ส่งเสริมสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้เรียน เช่น มีแสงสว่างที่เพียงพอ จัดโต๊ะที่นั่งมีระยะห่างจากกระดานได้อย่างเหมาะสม
4. ส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างความสนใจในการเรียนได้มากขึ้น เช่น การจัดมุมความรู้และวิชาการต่าง ๆ การจัดป้ายนิเทศแสดงผลงานของผู้เรียน
5. ส่งเสริมและสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนและสร้างแรงจูงใจในการมาเรียนมากขึ้น เพราะในชั้นเรียนที่มีครูเข้าใจผู้เรียน ให้ความเมตตาเอื้ออารีต่อผู้เรียน ผู้เรียนจะมีความสามัคคี รักใคร่กลมเกลียวและมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
ดังนั้น การจัดการชั้นเรียนที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

หลักการจัดชั้นเรียนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน

    การจัดการชั้นเรียนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนและการร่วมกิจกรรมภายในห้องเรียน และนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลสูงสุด โดยคำนึงถึงหลักการดังนี้
1. มีความยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม มีพื้นที่ในการเคลื่อนย้ายโต๊ะ เก้าอี้ และทำกิจกรรมได้สะดวก
2. มีมุมส่งเสริมการเรียนรู้ทุกด้าน จัดให้มีอุปกรณ์ในการทำกิจกรรม หรือหนังสืออ่านประกอบที่น่าสนใจไว้ตามมุมต่าง ๆ
3. มีสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดภัย อากาศถ่ายเทสะดวก แสงสว่างเพียงพอ ก่อให้เกิดบรรยากาศแห่งการเรียนรู้
4. มีการจัดชั้นเรียนที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีงามให้กับผู้เรียน สร้างระเบียบวินัยที่ดี ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ ช่วยกันรักษาความสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยของห้องเรียน
5. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อสร้างความเป็นระเบียบ เช่น การจัดโต๊ะเก้าอี้ มุมความรู้ต่าง ๆ ชั้นวางของและหนังสือ แม้แต่การใช้สิ่งของก็ให้ผู้เรียนได้รู้จักหยิบใช้และนำมาเก็บในที่เดิมเพื่อให้ผู้เรียนเคยชินกับความเป็นระเบียบ และมีความรับผิดชอบ
6. ควรจัดชั้นเรียนเพื่อเสริมสร้างหลักการทางประชาธิปไตย เช่น การทำงานกลุ่มโดยให้มีการเลือกบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่ม และทุกคนมีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจ รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เคารพกฎกติกาหรือความคิดเห็นที่แตกต่าง ตลอดจนสลับสับเปลี่ยนบทบาท หรือหมุนเวียนกลุ่มกันไปเพื่อปรับเปลี่ยนบริบท
7. ควรจัดชั้นเรียนให้เอื้อต่อหลักสูตร เน้นการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จึงควรจัดสภาพห้องให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ เช่น การจัดที่นั่งในรูปแบบต่าง ๆ 

ลักษณะของชั้นเรียนที่ดี

     ชั้นเรียนที่ดีควรประดับตกแต่งห้องเรียนทางกายภาพให้มีสีสันสวยงาม ดูสบายตา มีอากาศถ่ายเทได้ดี แสงสว่างเพียงพอ ไม่มีเสียงรบกวน ไม่ร้อนจนเกินไป อากาศไม่เป็นพิษ สะอาดถูกสุขลักษณะ เป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่อยู่ในชั้นเรียนสามารถเอื้ออำนวยต่อการสอนและการทำกิจกรรมประเภทต่าง ๆ ผู้เรียนมีความสุข มีอิสระ มีเสรีภาพในการเรียนรู้ และมีวินัยในการดูแลตัวเองและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น ชั้นเรียนที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
1. ชั้นเรียนที่ดีควรมีบรรยากาศที่ดี ถูกสุขลักษณะ สะอาดมีสีสัน อากาศถ่ายเทสะดวก และแสงสว่างเพียงพอ
2. จัดโต๊ะ เก้าอี้และสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนให้เหมาะสม สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ง่ายและสะดวก
3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข มีอิสระทางความคิด และมีระเบียบวินัยในตนเอง
4. สร้างบรรยากาศให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่ตึงเครียด ห้องเรียนน่าอยู่ น่าเรียนและผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
5. ใช้เทคนิควิธีการสอนที่น่าสนใจ สามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากที่สุด
6. ประยุกต์ใช้ประโยชน์พื้นที่ในชั้นเรียนให้คุ้มค่า สามารถดัดแปลงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ

รูปแบบการจัดชั้นเรียน

    ครูควรมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการจัดชั้นเรียน เช่น การจัดโต๊ะ เก้าอี้ และมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน เพื่อสร้างบรรยากาศของห้องเรียนให้น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อหน่าย ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและกระตือรือร้นในการเรียนได้ดีขึ้น การจัดชั้นเรียนตามวิธีการสอน สามารถจัดได้ 2 รูปแบบ คือ ชั้นเรียนแบบธรรมดาและชั้นเรียนแบบนวัตกรรม
1. ชั้นเรียนแบบธรรมดา ชั้นเรียนแบบธรรมดาเป็นรูปแบบชั้นเรียนที่มีครูเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้นำในการเรียนรู้ และมีผู้เรียนเป็นผู้รับความรู้ การจัดชั้นเรียนแบบนี้จะมีโต๊ะครูอยู่หน้าชั้นเรียน และมีโต๊ะนักเรียนวางเรียงกันเป็นแถว โดยหันหน้าเข้าหาครู และครูจะเป็นผู้นำในการสอน การอธิบาย หรือจัดกิจกรรมต่าง ๆ หน้าชั้นเรียน
2. ชั้นเรียนแบบนวัตกรรม เป็นชั้นเรียนที่เอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการสอนแบบใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีอิสระในการเรียน โดยอาจจะเรียนเป็นกลุ่ม หรือเป็นรายบุคคล และมีครูเป็นผู้ให้คำปรึกษา การจัดชั้นเรียนแบบนวัตกรรมจึงมีรูปแบบการจัดโต๊ะเก้าอี้ในลักษณะต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนตามรูปแบบกิจกรรม เช่น จัดเป็นรูปตัวที ตัวยู หรือวงกลม

การจัดโต๊ะครู

1. จัดให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม โดยอาจจะจัดไว้หน้าห้อง ข้างห้อง หรือหลังห้องก็ได้ จากงานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพื่อให้มองเห็นผู้เรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตามการจัดโต๊ะครูนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดที่นั่งของผู้เรียนด้วย
2. จัดให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งบนโต๊ะและในลิ้นชักโต๊ะเพื่อสะดวกต่อการนั่งทำงานของครูและการวางสมุดงานของผู้เรียน ตลอดจนเพื่อปลูกฝังลักษณะนิสัยความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่ผู้เรียน

การจัดโต๊ะเรียนและเก้าอี้ของผู้เรียน

1. จัดให้มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างและวัยของผู้เรียน
2. จัดให้มีช่องว่างระหว่างแถวที่ผู้เรียนจะลุกนั่งได้สะดวกและทำกิจกรรมได้คล่องตัว
3. จัดให้สะดวกต่อการทำความสะอาดและการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งเรียน
4. จัดให้มีรูปแบบที่ไม่จำเจ เช่น อาจปรับเปลี่ยนเป็นรูปตัวที ตัวยู รูปครึ่งวงกลมหรือเข้ากลุ่มเป็นวงกลมได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอน
5. จัดให้ผู้เรียนที่นั่งทุกจุดมองเห็นและอ่านกระดานได้ชัดเจน แถวหน้าของโต๊ะเรียนควรอยู่ห่างจากกระดานพอสมควร หรือไม่น้อยกว่า 3 เมตร และไม่ควรจัดโต๊ะจนติดกระดานจนเกินไป เพราะจะทำให้ผู้เรียนต้องแหงนหน้ามองกระดาน และหายใจเอาฝุ่นชอล์กหรือผงหมึกของปากกาเคมีเข้าไปทำให้เสียสุขภาพ

การจัดมุมต่าง ๆ ในห้องเรียน

1. มุมหนังสือ ควรมีไว้เพื่อฝึกนิสัยรักการอ่านและส่งเสริมให้ผู้เรียนอ่านคล่อง ส่งเสริมการค้นคว้าหาความรู้ และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ครูควรหาหนังสือหลาย ๆ ประเภท ที่มีความยากง่ายเหมาะสมกับวัยของผู้เรียนมาให้อ่าน และควรหาหนังสือชุดใหม่มาเปลี่ยนบ่อย ๆ การจัดมุมหนังสือควรจัดให้เป็นระเบียบ และสะดวกต่อการหยิบอ่าน
2. มุมเสริมความรู้กลุ่มประสบการณ์ต่าง ๆ ควรจัดไว้ให้น่าสนใจ เพื่อช่วยเสริมความรู้ และทบทวนความรู้ เช่น มุมภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา มุมความรู้ข่าว เหตุการณ์
3. มุมแสดงผลงานของผู้เรียน ครูควรติดบนป้ายนิเทศ แขวนหรือจัดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จและมีกำลังใจในการเรียนต่อไป อีกทั้งยังสามารถแก้ไขพัฒนาผลงานของผู้เรียนให้ดีขึ้นโดยลำดับได้อีกด้วย
4. ตู้เก็บสื่อการเรียนการสอน เช่น บัตรคำ แผนภูมิ ภาพพลิก กระดาษ สี กาว ฯลฯ ควรจัดไว้ให้เป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน สะดวกต่อการหยิบใช้ อุปกรณ์ชิ้นใดที่เก่าเกินไปหรือไม่ใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้ให้ดูรกรุงรัง
5. มุมเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดตลอดจนชั้นวางเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้เรียน เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แก้วน้ำ กล่องอาหาร ปิ่นโต ฯลฯ ควรจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบและหมั่นเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอ
6. การประดับตกแต่งห้องเรียน ครูส่วนใหญ่นิยมประดับตกแต่งห้องเรียนด้วยสิ่งประดับต่าง ๆ เช่น ม่าน มู่ลี่ ภาพ ดอกไม้ คำขวัญ สุภาษิต ควรตกแต่งพอเหมาะ ไม่แน่นหรือดูแล้วอึดอัด สีสันที่ใช้ไม่ควรฉูดฉาดหรือใช้สีสะท้อนแสง เพราะอาจทำให้ผู้เรียนเสียสายตาได้ การประดับตกแต่งห้องเรียนควรคำนึงถึงหลักความเรียบง่าย เป็นระเบียบ ประหยัด มุ่งประโยชน์และสวยงาม

บทบาทในการจัดการชั้นเรียนของครู

    ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในชั้นเรียน เป็นผู้สร้างบรรยากาศในชั้นเรียนให้มีสภาพน่าเรียนรู้ อบอุ่น หรือตึงเครียดน่ากลัว โดยครูต้องทราบความคาดหวังที่นักเรียนมีต่อครูและครูมีต่อนักเรียน ซึ่งครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกทางพฤติกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การพูด การตรงต่อเวลา ลักษณะบทบาทของครูที่มีต่อการจัดการชั้นเรียนใน 3 ประเภท ได้แก่

1. ครูประเภทเผด็จการ ครูที่มีลักษณะเช่นนี้มีความเชื่อว่าตนเองมีความรู้เป็นสำคัญทั้งในด้านการบรรยาย การแสดงความคิดเห็นและการกำหนดงานให้นักเรียนทำ นักเรียนมีหน้าที่เชื่อฟังและทำตามกฎระเบียบที่ครูกำหนดเท่านั้น

2. ครูประเภทปล่อยปละละเลย ครูลักษณะนี้จะมีลักษณะโอนอ่อนผ่อนตามและไม่มีพลังในชั้นเรียน โดยอาจจะมีกฎระเบียบเพียงเล็กน้อย เพื่อให้นักเรียนได้ปฏิบัติ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับการที่นักเรียนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ การลงโทษของครูประเภทนี้มักจะให้อภัย ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับนักเรียนที่ประพฤติผิดระเบียบ

3. ครูประเภทประชาธิปไตย ครูลักษณะนี้จะเป็นผู้มีความมั่คง มีเหตุผล พร้อมจะตัดสินปัญหาใด ๆ แต่ก็ยอมรับความคิดเห็นและความต้องการของนักเรียน ผลของการเป็นครูประชาธิปไตยจะเป็นการสร้างพลังของความเชื่อมั่นและความรู้สึกของการเป็นเจ้าของชั้นเรียนให้กับนักเรียน

เทคนิคการปกครองชั้นเรียน

     การควบคุมและปกครองชั้นเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้เรียนมีระเบียบวินัยที่ดีจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันของผู้เรียนได้อย่างมีความสุข เช่น ใช้ระเบียบ กฎเกณฑ์ที่ทุกคนยอมรับร่วมกัน ยินดีปฏิบัติ เป็นประชาธิปไตย และยุติธรรม ผู้เรียนรู้สึกอบอุ่น สบายใจ รักและศรัทธาต่อครูและเพื่อน ๆ 

แนวทางการปกครองชั้นเรียนของครู
1. การใช้หลักประชาธิปไตย ครูควรให้ความสำคัญต่อนักเรียนเท่าเทียมกัน ให้ความเสมอภาค ให้อิสระ ให้โอกาสแก่ทุกคนในการแสดงความคิดเห็น ขณะเดียวกันครูต้องใจกว้าง ยินดีรับฟังความเห็นของทุกคน และควรฝึกให้นักเรียนปฏิบัติตนตามสิทธิ์และหน้าที่ รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น รู้จักการอยู่ร่วมกันอย่างประชาธิปไตย
2. การใช้หลักความยุติธรรม ครูควรปกครองโดยใช้หลักความยุติธรรมแก่นักเรียนทุกคนโดยทั่วถึง นักเรียนจะเคารพศรัทธาครู และยินดีปฏิบัติตามกฎระเบียบของครู ยินดีปฏิบัติตามคำอบรมสั่งสอนของครู ตลอดจนไม่สร้างปัญหาในชั้นเรียน
3. การใช้หลักพรหมวิหาร 4 เป็นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่นักเรียน ประกอบด้วย
- เมตตา หมายถึง ความรักและเอ็นดู ปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นเป็นสุข
- กรุณา หมายถึง ความสงสาร คิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
- มุทิตา หมายถึง ความยินดีด้วยเมื่อผู้อื่นได้ลาภยศ สุข สรรเสริญ
- อุเบกขา หมายถึง ความเที่ยงธรรม วางตัวเป็นกลาง หรือปล่อยวางในบางเรื่อง
4. การใช้หลักความใกล้ชิด ครูจะต้องรู้จักนักเรียนในชั้นทุกคน รู้จักชื่อจริง ชื่อเล่น ความสนใจของเด็กแต่ละคน เป็นต้นว่า งานอดิเรก จำนวนพี่น้อง จุดเด่น จุดด้อยของนักเรียนแต่ละคน แสดงความสนใจในสารทุกข์สุขดิบของเด็กแต่ละคน และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กได้ตลอดเวลา

การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีในชั้นเรียน

     การสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในห้องเรียนจะช่วยก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีแห่งการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เช่น ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับผู้เรียนจะสร้างบรรยากาศที่ไม่ตึงเครียด น่าเรียน ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนจะสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์ สมัครสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน และปฏิสัมพันธ์ทางวาจา

การสร้างกฎระเบียบร่วมกัน

     ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียน อาจเริ่มต้นด้วยการกำหนดความคาดหวังของครูที่มีต่อการแสดงพฤติกรรมของผู้เรียน และกำหนดกฎระเบียบของชั้นเรียนโดยระบุเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ข้อความสั้น กระชับ เข้าใจง่ายและครอบคลุม
2. เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกัน
3. ให้ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่ต้องการจะบรรลุเป้าหมาย
4. ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเสนอและปรับเปลี่ยน  และควรจะระบุผลที่ตามมาของการไม่ปฏิบัติตามกฎ

References:

ทิศนา แขมมณี. (2561). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 22). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฐธีรา สมบูรณ์. (2552). ผลการจัดการชั้นเรียนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่มีต่อความมีวินัยในตนเองของเด็กปฐมวัย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
ณิรดา เวชญาลักษณ์. (2561). หลักการบริหารจัดการชั้นเรียน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เบญจวรรณ กี่สุขพันธ์ พันพัชร ปิ่นจินดา และอลงกรณ์ เกิดเนตร. (2561). การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ศูนย์บริการสื่อและสิ่งพิมพ์กราฟฟิคไซท์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต.
พรรณี ชูทัย. (2522). จิตวิทยาการเรียนการสอน. วรวุฒิการพิมพ์.
พัทยา การะเจดีย์. (2545). เอกสารประกอบการสอนวิชา ศึกษา 363 ประสบการณ์วิชาชีพครู 3 (Professional Experiences for Teacher III). กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2560). ทักษะ 7C ของครู 4.0 (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศศิธร ขันติธรางกูร. (2551). การจัดการชั้นเรียนของครูมืออาชีพ. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, 1(2), 25–28.
วัชรา เล่าเรียนดี ปรณัฐ กิจรุ่งเรือง และอรพิณ ศิริสัมพันธ์. (2560). กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อพัฒนาการคิดและยกระดับคุณภาพการศึกษา สำหรับศตวรรษที่ 21. นครปฐม: บริษัท เพชรเกษมพริ้นติ้ง กรุ๊ป จำกัด.
สุพิน บุญชูวงค์. (2548). หลักการสอน. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
สุมน อมรวิวัฒน์. (2556). กระบวนการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชนและธรรมชาติ. กรุงเทพฯ: ไอเดียสแควร์.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2559). จิตวิทยาการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน ฉบับปรับปรุง (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮาส์.